Last updated: 20 มี.ค. 2566 | 435 จำนวนผู้เข้าชม |
เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับดอกซากุระ
Cherry blossom (ดอกซากุระ) เป็นดอกไม้ของต้นไม้สกุลเชอรี่ ซึ่งมีอยู่หลากหลายชนิด สายพันธุ์ซากุระพบได้ทั่วไปโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ซีกโลกเหนือที่สภาพอากาศอบอุ่น รวมถึงญี่ปุ่น, จีน, เกาหลี, เนปาล, อินเดีย, ปากีสถาน, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และอีกหลายๆ พื้นที่ของยุโรปตอนเหนือ
ประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของซากุระที่มีสายพันธุ์ที่หลากหลายและบรรยากาศการเฉลิมฉลองทั่วประเทศในช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน ตามสวนสาธารณะหรือท้องถนนในแต่ละท้องที่ของญี่ปุ่น จะมีผู้คนมาปิกนิกหรือจัดงานปาร์ตี้ชมดอกไม้ เพื่อสัมผัสกับความงามของดอกซากุระ ต้อนรับการมาเยือนของอากาศที่อบอุ่น ในภาษาญี่ปุ่นนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียก SAKURA โดยหากจะกล่าวว่าทั่วทั้งประเทศต่างก็มุ่งความสนใจไปที่ซากุระก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลย
ดอกซากุระสายพันธุ์ต่างๆ จะบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่ที่โตเกียวนั้นดอกซากุระส่วนใหญ่จะเบ่งบานและงดงามมากที่สุดตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ในช่วงเวลานี้บรรยากาศของเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของซากุระจะทำให้ทั้งเมืองอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันมีชีวิตชีวาและความหวัง เช่นเดียวกับฤดูใบไม้ผลิที่เปรียบดั่งนัดหมายของการเริ่มชีวิตใหม่และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ดอกซากุระถือเป็นประเด็นสนทนาในชีวิตประจำวัน การพบเห็นผู้คนหยุดตามข้างทางเพื่อถ่ายรูปดอกซากุระจากมุมองศาต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ตามร้านค้าสินค้าหรือเสื้อผ้าต่างๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีชมพู และประดับไปด้วยเมนูขนมหรือเครื่องดื่มรสซากุระ มีกระทั่งกลุ่มแฟนๆ ที่คลั่งไคล้ในเครื่องดื่มของสตาร์บัคส์ธีมซากุระอีกด้วย!
เทศกาลดอกซากุระจะจัดขึ้นตามสวนสาธารณะหรือตามเขตปราสาทมากมายหลายแห่งในแต่ละท้องที่ของประเทศญี่ปุ่น และความงดงามนั้น ก็ยังเป็นที่กล่าวขานถึงในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าดอกไม้ที่มีความละเอียดอ่อนและไม่คงทนซึ่งได้รับความนิยมทั้งในภาพวาดหรืองานศิลปะดั้งเดิม, ภาพพื้นหลัง ไปจนกระทั่งรอยสักนี้นั้นได้กุมจินตนาการและหัวใจของผู้คนไว้แล้วนั่นเอง
สามารถชมดอกซากุระได้ที่ไหน?
ซากุระสายพันธุ์ที่พบเห็นได้ทั่วไปที่สุดในประเทศญี่ปุ่นคือ “โซเมอิโยชิโนะ” ซึ่งเป็นการผสมของสองสายพันธุ์ เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นดอกที่มีสีขาวอมชมพูอ่อนๆ มักจะปลูกไว้ตามริมตลิ่งหรือคูน้ำของปราสาท ปรากฎเป็นดอกไม้สะท้อนบนผืนน้ำและเกิดเป็นอุโมงค์เฉดสีอ่อนๆ ขึ้นมา นอกจากนี้ก็ยังสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ตามสวนสาธารณะหรือโรงเรียนต่างๆ ด้วย
คาวาซุซากุระซึ่งมักจะพบเห็นได้ที่เขตพื้นที่คาวาซุทางตอนใต้ของคาบสมุทรอิซุซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟ ก็เป็นสายพันธุ์ที่สวยงาม ดอกซากุระชนิดนี้จะมีสีชมพูเข้มกว่าโซเมอิโยชิโนะ และจะบานเร็วกว่าโซเมอิโยชิโนะประมาณ 1 เดือน โดยจะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม เทศกาลคาวาซุซากุระเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีผู้คนมาเที่ยวชมทุกปีราว 1 ล้านคน
หากไม่สามารถมาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิได้ ก็สามารถชมดอกไม้ (ซากุระ) ได้เช่นกัน “ชิกิซากุระ” (มีความหมายตามตัวอักษร คือ ซากุระสี่ฤดู) จะบานปีละ 2 ครั้ง โดย ณ สถานที่ขึ้นชื่อในจังหวัดไอจิ สามารถชมภาพตัดกันของดอกซากุระที่มีสีชมพูระเรื่อกับใบเมเปิลสีสดได้พร้อมๆ กันในฤดูใบไม้ผลิ
สำหรับคนที่อยากจะปลูกซากุระด้วยตนเองนั้น ตาม Home depot ซึ่งเป็นห้างโฮมเซ็นเตอร์ของอเมริกานั้น ก็เริ่มมีการจำหน่ายต้นพร้อมปลูก ทำให้การซื้อต้นซากุระมาปลูกเองกลายมาเป็นที่นิยม นอกจากนี้ ที่ญี่ปุ่นยังสามารถพบเห็นต้นบอนไซซากุระขนาดเล็กซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ 2 วัฒนธรรมมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างงดงาม
สัญลักษณ์กับความหมายของซากุระ
ศาสตร์ที่ว่าด้วยความงามของซากุระนั้น ก็เป็นหนึ่งในภาพลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาวัฒนธรรมญี่ปุ่นทั้งหมด สามารถพบเห็นการออกแบบโดยใช้ดอกซากุระได้ทั่วทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ที่เสมือนความฝันของภาพพิมพ์แม่พิมพ์ไม้ของภาพอูกิโยะ, การออกแบบอันประณีตที่ถูกวาดลงบนฉากกั้นห้องแบบโบราณ, ภาพลวดลายบนของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กล่องข้าวเบนโตะ ฯลฯ และแน่นอนว่ายังปรากฏในงานศิลปะสมัยใหม่, การ์ตูนมังงะ หรืออนิเมะบ่อยครั้งอีกด้วย
คำกล่าวชื่นชมในความงามที่ดอกไม้อันละเอียดอ่อนนี้มอบให้กับวิวทิวทัศน์ หรือคำคมที่เป็นสัญลักษณ์แทนความคิดของผู้คนที่ชื่นชมและยกย่องดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิแต่ละปีนั้นมีขึ้นมาเรื่อยๆ จนกล่าวถึงได้ไม่หมด ลองมาดูตัวอย่างคำกล่าวของอิคคิว ผู้ซึ่งเป็นทั้งพระนิกายเซนและนักกวีของญี่ปุ่น ( ปี 1394 - 1481 ) ที่ว่า “แม้ว่าจะลองตัดต้นซากุระดู ก็ไม่อาจเห็นดอกซากุระภายใน แต่เมื่อลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมา ดอกซากุระกลับบานสะพรั่งนับไม่ถ้วน”
หนึ่งในเหตุผลของความนิยมในซากุระก็คือลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์นั้น และด้วยความที่ดอกซากุระบานสะพรั่งพร้อมกันราวกับกิ่งก้านของต้นทั้งต้นถูกห่อหุ้มอยู่ท่ามกลางหมอก และจู่ๆ ก็พลันหายไปราวกับเมฆอีกนั้น จึงกล่าวกันว่ามีลักษณะคล้ายกับเมฆ ด้วยเหตุเช่นนี้ ดอกซากุระจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความไม่แน่นอนของชีวิต เป็นสิ่งที่ทำให้ตระหนักถึง "ความเศร้าสร้อยของสรรพสิ่ง" – ทั้งความงามที่อยู่ภายในช่วงชีวิตและความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นแนวคิดทางพุทธศาสนาที่ฝังรากมาแต่โบราณในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น แปลคร่าวๆ ก็คือ เป็นการสะท้อนความคิดที่ว่า "ความโศกเศร้าของสรรพสิ่ง"
ดอกซากุระจะบานในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มบานตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงเวลาของการจบภาคเรียนพอดี ตรงกับช่วงเวลาที่นักศึกษาเรียนจบและจะเริ่มเข้าสู่สังคมคนทำงาน เป็นช่วงเวลาที่บทบาทหนึ่งของชีวิตจบลง และเริ่มเข้าสู่บทใหม่ต่อไป คำว่า “Natsukashi” ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เป็นคำที่สะท้อนการรำลึกถึงความหลังอย่างหนึ่งที่อบอวลไปด้วยทั้งความยินดีและความเศร้า กล่าวได้ว่า ดอกซากุระนั้นเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกหวนรำลึกที่ว่านี้ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก นับจากช่วงเวลาที่ดอกซากุระบาน
ซากุระของประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น การชื่นชม ยกย่องและเฉลิมฉลองให้กับดอกซากุระนั้น เป็นความบันเทิงเริงรมย์ของประชาชนในประเทศ พยากรณ์การบานของซากุระในโตเกียวและเมืองใหญ่อื่นๆ ในเกาะฮอนชูนั้นจะเริ่มประกาศตั้งแต่เดือนมกราคม มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับว่าจะไปชมดอกซากุระที่ไหน ตั้งแต่จุดท่องเที่ยวยอดนิยมไปจนถึงจุดท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก กลุ่มเพื่อน, เพื่อนร่วมชั้นเรียน, เพื่อนร่วมงานด้วยกัน มักจะวางแผนจัดปาร์ตี้ชมดอกไม้ ตั้งตารอชมดอกซากุระไปพร้อมกับการพักผ่อนสบายๆ ต้อนรับการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ
ฤดูกาลซากุระของประเทศญี่ปุ่น
ฤดูกาลดอกซากุระของประเทศญี่ปุ่นนั้น กล่าวกันว่าโดยทั่วไปแล้วจะเริ่มตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายนก็จริง แต่เมื่อนับจากขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของญี่ปุ่น จริงๆ แล้วยาวนานถึง 4 เดือนเลยทีเดียว!
ตามเกาะต่างๆ เขตกึ่งร้อนของโอกินาว่าซึ่งอยู่ทางตอนใต้นั้น ดอกซากุระจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม และช่วงที่เหมาะสำหรับการชมดอกซากุระมากที่สุดคือช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
ถัดมา ที่คาโกชิมะ, เมืองใหญ่ทางตอนใต้ที่ชื่อว่าคุมาโมโตะ, และแถวๆ ฟุคุโอกะของเกาะคิวชู ก็จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมไปจนบานเต็มที่ในช่วงต้นเดือนเมษายน
ขึ้นเหนือมาทางแถบคันไซ ที่เมืองใหญ่ๆ อย่างเช่น โอซาก้า, เกียวโต, นารา ดอกไม้จะเริ่มบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมก้าวย่างเข้าสู่เดือนเมษายน
ที่โตเกียวและโยโกฮามะจะเริ่มบานในช่วงไม่กี่วันก่อนจะสิ้นเดือนมีนาคม ช่วงที่บานเต็มที่จะอยู่ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน
ที่เมืองใหญ่ของภาคเหนือของโทโฮคุนั้นจะเริ่มบานในเดือนเมษายน ส่วนที่ฮิโรซากิซึ่งตั้งอยู่เหนือสุดของฮอนชูนั้นจะบานเต็มที่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน
แน่นอนว่า เกาะทางตอนเหนือ ฮอกไกโดนั้นจะมาหลังสุด โดยทั่วไปแล้วตามเมืองใหญ่อย่างเช่น ซัปโปโรหรือฮาโกดาเตะนั้นจะเริ่มบานในสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนพฤษภาคม และบานเต็มที่ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น
สนใจคลิกดู โปรโมชั่นประกันเดินทาง เพิ่มเติม
Cr.ข้อมูล อ้างอิง gotokyo.org
21 ส.ค. 2567
13 ก.ย. 2567
10 มิ.ย. 2567