ขับรถลุยน้ำท่วม มีทริคอย่างไร "ให้เครื่องยนต์ปลอดภัยหายห่วง"

Last updated: 21 ส.ค. 2567  |  292 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ขับรถลุยน้ำท่วม มีทริคอย่างไร "ให้เครื่องยนต์ปลอดภัยหายห่วง"

ขับรถลุยน้ำท่สม มีทริคอย่างไร ให้เครื่องยนต์ปลอดภัยหายห่วง โดยนักผจญภัย

ช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนจะต้องพบกับการเดินทางที่ยากลำบากมากขึ้น ด้วยทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง อีกทั้งการเกิดน้ำท่วม หรือน้ำขัง ที่มาจากการระบายน้ำไม่ทัน ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการใช้รถใช้ถนนมากขึ้นโดยเฉพาะการที่ต้องขับรถลุยฝน ซึ่งหากไม่เตรียมความพร้อมให้ดีอาจะเกิดอันตรายในการขับขี่ตามมาได้

"HOW TO ขับรถลุยน้ำท่วม ให้ปลอดภัย สบายใจเครื่องไม่ดับ"

ปัญหาใหญ่ของการขับรถลุยฝนก็คือขับไปแล้วรถเกิดดับ แล้วไม่รู้ว่าควรสตาร์ทใหม่อีกหรือไม่ หรือควรแก้ไขปัญหาขับรถลุยน้ำท่วมแบบไหน อีกทั้งยังต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัยหากต้องฝืนขับลุยน้ำลุยฝนอีกด้วย โดยวิธีดูแลรถหน้าฝนที่ทำด้วยตัวเองได้ง่ายๆ แยกออกเป็นหลายกรณีดังนี้

  • 1. ชะลอความเร็วก่อนถึงจุดน้ำท่วม
    • เมื่อต้องขับรถลุยฝน แล้วมองเห็นว่าทางข้างหน้ามีจุดที่น้ำท่วมขังอยู่ให้ทำการลดความเร็วของรถยนต์ลงในทันที เพราะการขับด้วยความเร็วสูงเข้าสู่น้ำท่วมขังจะทำให้เกิดการเสียความควบคุมได้ทันที อาจทำให้รถหมุนจนนำไปสู่อุบัติเหตุได้ ทั้งนี้ในการชะลอความเร็วควรเกิดขึ้นก่อนถึงจุดน้ำท่วมขังจะช่วยให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามควรจะต้องประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนด้วยว่าในเส้นทางที่จะเดินทางนั่นมีโอกาสที่น้ำจะท่วมสูง หรือมีการก่อสร้างในเส้นทางหรือไม่ด้วย
  • 2. ปิดแอร์รถยนต์ เมื่อเจอน้ำท่วม
    • การเปิดแอร์จะทำให้พัดลมระบายความร้อนของหม้อน้ำทำงาน และหากว่าน้ำท่วมสูงโอกาสที่พัดลมจะพัดน้ำให้เข้าสู่ห้องเครื่องก็มีสูงมากซึ่งก็เป็นต้นเหตุของการเกิดรถดับได้ หรือยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฮบริด ก็อาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าช็อตเสียหายได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้วการปิดแอร์จะช่วยลดความเสียหายในส่วนนี้ได้
  • 3. ใช้เกียร์ต่ำ
    • ช่วงที่ต้องขับรถลุยฝนการใช้เกียร์ต่ำจะช่วยให้โอกาสในการดับของเครื่องยนต์เป็นไปได้ยากขึ้น ซึ่งในกรณีนี้ต้องแยกเป็นรถยนต์แบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้ โดยเกียร์ธรรมดา เมื่อต้องใช้เกียร์ต่ำควรจะอยู่ที่ประมาณเกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น และหากเป็นเกียร์ออโต้ ควรอยู่ที่เกียร์ L
  • 4. รักษาระยะเบรกให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า
    • ด้วยความที่การขับขี่รถยนต์ในช่วงหน้าฝนนั้นเสี่ยงต่อการเผชิญกับถนนที่มีความเปียกชื้นสูง ทำให้มีโอกาสที่ถนนจะลื่นกว่าปกติเป็นไปได้มาก ดังนั้นการรักษาระยะเบรกให้มากกว่าเดิม จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอันตรายได้มากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้ถนนจะลื่นแต่ก็ยังสามารถรักษาระยะในการเบรกเอาไว้ได้นั่นเอง
  • 5. ลดความเร็วลงอีก เมื่อต้องขับรถสวนทางกัน
    • เมื่อต้องขับรถลุยฝน แล้วเกิดน้ำท่วมขัง การชะลอความเร็วเป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งเมื่อต้องขับบนถนนที่มีการสวนทางกันกับรถอีกฝั่ง อย่างเช่นถนนสองเลน จำเป็นที่ผู้ขับขี่จะต้องลดความเร็วลงไปอีกเมื่อมองเห็นรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมา เพื่อไม่ให้มีการสาดของน้ำ และลดอันตรายของการเสียหลักได้อีกด้วย
  • 6. ขับรถตามรถคันใหญ่ที่ล้อยกสูงกว่า
    • ใครที่ขับรถเล็กหรือโหลดต่ำ แต่ต้องขับผ่านจุดน้ำท่วมขังให้พยายามขับตามรถคันใหญ่ที่มีการยกล้อสูง เพราะกระแสน้ำจะพัดออกจากห้องเครื่องและช่วยให้เส้นทางมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็อย่าลืมเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสมด้วย
  • 7. ควรย้ำเบรกหรือคลัตช์ เพื่อไล่น้ำ
    • สำหรับวิธีดูแลรถหน้าฝนให้ปลอดภัยและคงสภาพที่พร้อมใช้งานอีกวิธีหนึ่งก็คือการย้ำเบรก หรือ คลัตช์ เพื่อช่วยให้เกิดกระบวนการไล่น้ำออก ทั้งนี้ก็ต้องแบ่งเป็นสองกรณีคือ ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดา ควรย้ำคลัตช์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลัตช์ลื่น ในขณะที่หากเป็นรถยนต์ระบบเกียร์ออโต้ การย้ำเบรกจะเป็นการไล่น้ำออกจากระบบเบรก ช่วยเพิ่มความเสถียรในการเบรกมากยิ่งขึ้น
  • 8. ถ้าเกิดโชคร้ายเครื่องยนต์ดับ อย่าสตาร์ทรถใหม่
    • สิ่งที่หลายคนไม่อยากเจอที่สุดก็คือขับรถลุยฝนแล้วเครื่องยนต์ดับ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข็นรถเข้าข้างทางและอย่าพยายามสตาร์ทรถใหม่ เนื่องจากการสตาร์ทรถอีกครั้งจะทำให้น้ำไหลเข้าเครื่องยนต์ได้ง่าย เกิดความเสียหายตามมา
  • 9. ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อถึงจุดหมาย
    • เมื่อขับรถผ่านพ้นจุดน้ำท่วมขังได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือให้ควบคุมความเร็วที่ต่ำเอาไว้ และยังคงย้ำเบรก หรือคลัตช์ ไปด้วยอีกสักพักหนึ่ง เพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากเครื่องยนต์ รวมทั้งไม่ควรดับเครื่องในทันทีหลังจากที่ลุยน้ำท่วมเสร็จ เพราะยังคงมีน้ำค้างที่ท่อไอเสีย ที่อาจจะไหลย้อนกลับเข้าไปได้ สำหรับการดูแลเครื่องยนต์หลังขับรถลุยน้ำท่วมนั้น รถกระบะจะมีความเสี่ยงต่อความเสียหายได้น้อยกว่า เนื่องจากถูกออกแบบมาให้เป็นรถยกสูงที่สามารถขับลุยได้ ต่างจากรถเก๋งที่ยังต้องประเมินควาเสียหายของเครื่องยนต์และให้ความสำคัญในการดูแลมากกว่า

ขับรถลุยน้ำท่วม รถควันขึ้น ควรหยุดหรือไปต่อ ?
สำหรับใครที่หลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขังไม่ได้ และแม้ว่าจะใช้เกียร์ต่ำกับชะลอความเร็วแล้วขณะที่ขับรถลุยฝนและน้ำท่วมกลับเกิดควันขึ้น หากเกิดเช่นนี้ให้สังเกตดูก่อนว่าเป็นควันสีขาวหรือสีเทา ซึ่งหากเป็นควันสีขาวจะเกิดจากน้ำโดนไอเครื่องยนต์ที่มีความร้อน ซึ่งสามารถขับต่อได้และไม่น่ากังวล แต่หากเป็นควันสีเทาอาจเกิดจากการเผาไหม้บางอย่างในห้องเครื่อง กรณีนี้เมื่อขับพ้นจุดน้ำท่วมขังแล้วควรนำรถเข้าไปเช็กทันที

นอกจากนี้หากเป็นรถยุโรปเครื่องยนต์อาจมีการใช้ระบบไฟฟ้ามากกว่า ย่อมมีความเสียหายได้มากขึ้นด้วย ดังนั้นจึงควรผ่อนคันเร่งและรักษาความเร็วต่ำไปในระยะทางที่ค่อนข้างมากกว่ารถยนต์ญี่ปุ่นในหลายๆ รุ่นที่ยังไม่มีการใช้ระบบไฟฟ้ามากนัก

เรียกได้ว่าวิธีการดูแลรถหน้าฝนก็เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย และยิ่งไปกว่านั้นคือการขับรถลุยฝนที่ต้องระมัดระวัง และเตรียมความพร้อมกันให้ดี ทั้งนี้ในการดูแลเครื่องยนต์ และกลไกของระบบก็ต้องใช้สินค้าที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานกันด้วย อย่างที่ วาโวลีน น้ำมันเครื่องมาตรฐานสากล เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ประสิทธิภาพที่ช่างยนต์ผู้เชี่ยวชาญเลือกใช้ คุณสามารถดูผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงทั้ง น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล และน้ำมันเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้เลยครับ

 

Cr:  valvolineglobal (ข้อมูล)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้