10 วิธีทำให้รถของคุณประหยัดน้ำมันขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย

Last updated: 2 ก.ย. 2562  |  25891 จำนวนผู้เข้าชม  | 

10 วิธีทำให้รถของคุณประหยัดน้ำมันขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย

10 วิธีทำให้รถของคุณประหยัดน้ำมันขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย

     ด้วยเศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ราคาน้ำมันยังคงทรงๆ ซึ่งส่งผลทำให้ทางค่ายรถยนต์หลายค่าย หันออกมาผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการขับรถแบบประหยัดน้ำมัน แล้วหากไม่รู้จักวิธีขับที่ถูกต้องก็จะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองเมื่อเทียบเท่ากับรถธรรมดาทั่วไปได้เช่นกัน มาปรับนิสัยการขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันกันดีกว่าเพื่อรับ มือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะนับวันค่าครองชีพก็สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  ทำให้หลายคนต้องแบกภาระทางการเงินตามไปด้วย สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ก็คือ ค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิงไม่ว่าจะเป็นรถที่มีการใช้น้ำมัน หรือว่ารถที่ใช้แก๊สที่กำลังโดนปล่อยลอยตัวขึ้นตามราคาตลาดโลก

     การหาหนทางเพื่อที่จะประหยัดน้ำมัน หรือแก๊สให้ได้นั้น มีอยู่หลายวิธี ที่เชื่อว่าผู้ที่ใช้รถก็คงจะมีวิธีในการช่วยประหยัดน้ำมัน กันบ้าง ซึ่ง 10 วิธีประหยัดหลักๆ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายน้อยลง มีอะไรกันบ้างนะ ?

1.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการไม่ขับรถเร็ว

การขับรถเร็วในการใช้รถทางไกล ๆ  จะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่มีความจำเป็น ในกรณีที่คุณขับรถที่มีความเร็วอย่างสม่ำเสมอที่เหมาะสมคือ 80 กม. ต่อ ชม. จะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 10-15  % แต่หากขับเร็วขึ้นเป็น 100 กม.ต่อชั่วโมงจะทำให้เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 6 % ซึ่งการทำความเร็วคงที่หรือใช้ความเร็วสม่ำเสมอเป็นการทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานอย่างราบเรียบ ซึ่งเป็นหนทางไปสู่ความประหยัดน้ำมัน โดยสามารถปล่อยให้รถไหลตามแรงเฉื่อย รวมถึงการคาดการณ์ล่วงหน้าในขณะขับรถเมื่อใกล้จะถึงทางแยกหรือทางม้าลายต่าง ๆ คุณควรจะชะลอความเร็วตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่เร่งมาตลอดแล้วเหยียบมาจัดการเบรกกะทันหัน ที่สำคัญอย่าออกตัวเร็วแบบรถแข่ง เพราะในการที่คุณออกตัวเร็วอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากมายแถมยังจะทำให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถคุณมีอาการสึกหรอไวอีกด้วย พยายามอย่าออกรถเร่งเต็มที่หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ ตามหลักความจริงแล้วเราควรวอร์มเครื่องยนต์ก่อนออกสู่ถนนประมาณสามนาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องได้เข้าไปหล่อลื่นอย่างเต็มที่ก่อน ซึ่งจะสามารถช่วยลดการสึกหรอของการเสียดทานอุปกรณ์ต่างๆภายในเครื่องยนต์ได้ และ หากคุณสตาร์ทเครื่องแล้วเร่งตัวออกรถเลยจะทำให้น้ำมันยังไปไม่ทั่วถึง และยังทำให้เครื่องสึกหรอเร็วกว่าปกติด้วย

2.วางแผนการเดินทางและการวางแผนไปด้วยกันเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน

หากมีการกำหนดใช้รถยนต์ในแต่ละวันเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้รถในคราวเดียวและเดินทางไปในทิศทางเดียวกัน จะเป็นการดีกว่า เพราะการใช้รถหลายเที่ยวขับไปส่งแต่ละคนนั้นอาจทำให้ไม่เป็นการประหยัดน้ำมัน ซึ่งการมีจุดมุ่งหมายในการเดินทาง จึงจะไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้นและจะได้ไม่ขับอ้อมให้เปลืองน้ำมัน  และหากจะต้องจอดรถรอ ซึ่งหากนานเกินกว่าประมาณ 3-4 นาทีขึ้นไป ก็ควรดับเครื่องทุกครั้ง นอกจากประหยัดน้ำมัน เชื้อเพลิงแล้วยังช่วยในเรื่องของการถนอมเครื่องไม่ให้ร้อนจัดอีกด้วย การเตรียมการล่วง หน้า เตรียมแผนที่เส้นทางเพื่อป้องกันการหลงทางและสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะการขับรถหลงทาง 10 นาทีจะสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยประมาณครึ่งลิตร  ควรมีการวางแผนเดินทางที่ดี และควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง ที่มีการจราจรติดขัด ไม่ขับรถอ้อมเส้นทางจน เกินไป และไม่ขับเลยจากจุดหมายปลายทาง เท่านี้ก็ลดการสูญเสียน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ไปได้มาก

3.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการไม่เปิดแอร์แรงเกินไป

ควรปรับระดับความเย็นเท่าที่จำเป็น ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์จะทำงานหนักและอาจจะมีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง  ซึ่งจะทำให้น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมดหลงเหลืออยู่ในกระบอกสูบ โดยจะเป็นตัวการทำให้เครื่องยนต์สึกหรออีกด้วย และควรเปิดเครื่อง ปรับอากาศตามความจำเป็น เพราะเครื่องปรับอากาศทำงานได้โดยอาศัยพลังงานจากน้ำมันเช่นกัน และยิ่งหากปรับให้มีความเย็นมากเกินความจำเป็นก็ยิ่งจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ควรหมั่นตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำยาทำความเย็น หรือความสกปรกของคอยล์ร้อนคอยล์เย็น และไส้กรอง ฯลฯ เพื่อให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งจะต้องปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพราะหากปรับอุณหภูมิต่ำเกินไปแน่นอนว่าคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนัก และเป็นภาระให้เครื่องยนต์มากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นไปด้วย การตัดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมาย เป็นเรื่องที่ควรทำเพราะนอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน  ก็ยังถือได้ว่ามีส่วนช่วยในการไล่ความชื้นและเชื้อราในตู้แอร์ได้ แค่ปลายนิ้ว กดปิดปุ่มที่เขียนว่า A/C เท่านี้ก็ทำให้ประหยัดแล้ว โดยปกติการทำงานของคอมแอร์ที่ใช้สายพานฉุดเวลาวิ่ง คอมแอร์แทบไม่ได้มีส่วนกินน้ำมัน  แต่หากรถขับเคลื่อนตัวช้าก็จะเห็นผลชัดเจนขึ้น

4.ตรวจวัดลมยางอยู่เสมอจะช่วยประหยัดน้ำมัน

หากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางมีความเสียดสีมากให้สิ้นเปลืองน้ำมัน ควรเติมลมยางให้ได้ตามกำหนดมาตรฐานทั้งล้อหน้าและล้อหลัง  หมั่นตรวจเช็คความดันลมยางเสมอเมื่อเข้าใช้บริการในปั้ม แม้จะเสียเวลาอีกนิดแต่ก็ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันขึ้น  เนื่องจากยางที่มีลมยางอ่อนจะมีแรงเสียดทานมากกว่ายางที่ได้เติมลมพอดี จะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นและศูนย์เสียพลังงานโดยใช่เหตุ  หากเติมลมยางแข็งเกินไปจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่ คืออาจจะทำให้หน้ายางเสียดสีกับพื้นถนนน้อยเกินไป และจะทำให้เกาะถนนหรืออาจทำให้ยางเกิดระเบิดได้ หรือหากได้รับการสะเทือนมากเวลาขับบนถนนที่ชำรุด หรือถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งจะส่งผลทำให้ยางมีอายุการใช้งานสั้น และพยายามอย่าบรรทุกของที่ไม่จำเป็นไม่ว่าเป็นน้ำดื่ม ที่ได้จากการเติมน้ำมัน หรือรองเท้าหลายคู่อยู่หลังรถ รวมถึงอุปกรณ์กีฬาชุดใหญ่ที่หลังรถ หรือสิ่งของที่ไม่จำเป็นอีกหลายอย่างลองเอาออกจากรถ เพราะควรเลือกของที่จำเป็นขึ้นรถเมื่อต้องใช้งานก็พอ แล้วจะรู้ว่ารถของคุณประหยัดน้ำมัน ได้ดีขึ้น

5.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการตรวจเช็คและตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด

ต้องตรวจเช็คสภาพและการดูแลรักษาเครื่องยนต์รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดมาให้ เพราะหากเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถที่ได้ตามมาตรฐานแล้ว แน่นอนว่าการใช้น้ำมันก็จะน้อยกว่าและควรหมั่นตรวจไส้กรองบ้าง หรือเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุการใช้งาน เพราะไส้กรองเป็นส่วนสำคัญในการที่จะถ่ายเทอากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในเครื่อง หากไส้กรองชำรุดหรืออุดตันจะทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติและจะทำให้เกิดการไม่ประหยัดน้ำมัน มากขึ้น ส่วนเบรกมือก็ต้องเช็ค ในบางครั้งก็มีบ้างที่พลั้งเผลอเบรกมือไม่สุด ทำให้รถมีความหนืด  เครื่องยนต์ทำงานหนักและกินเชื้อ เพลิงมาก และอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมเบรกตามมาอีก ควรเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมตามมาตรฐาน  และควรเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาการใช้งาน จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้มาก

น้ำมันหล่อลื่นเก่า มักจะขาดคุณสมบัติการหล่อลื่น ฯ ส่วนเมื่อหัวเทียนเสื่อมสภาพก็จะทำให้เชื้อเพลิงถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ แต่หากระบบระบายความร้อนบกพร่อง  ก็จะทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานตามที่อุณหภูมิที่ผู้ผลิตออกแบบไว้ หากมีการปรับตั้งการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงไม่มีประสิทธิภาพ และถ้าตั้งรอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงกว่าที่กำหนดไว้  ก็จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับบริการเป่าไส้กรองฟรีได้ที่ศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน และควรตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เป็นประจำ ส่วนการถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอจะทำให้เครื่องยนต์ไม่สึกหรอและช่วยให้ประหยัดน้ำมัน มีอัตราสิ้นเปลืองคงที่หรือน้อยลง

6.ไม่ควรติดแร็คหลังคารถ หากต้องการประหยัดน้ำมัน

หลายคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวมักจะทำการติดตั้งแร็คหลังคารถ ซึ่งเป็นที่บรรทุกของบนหลังคา แต่สิ่งนี้อาจทำให้คุณเปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอย่างมาก เพราะหลักอากาศพลศาสตร์ของจะเสียไปและมีแรงต้านมากขึ้น การติดแร็คเป็นการทำให้ไม่ประหยัดน้ำมัน และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงพอสมควร เมื่อไม่มีความจำเป็นก็ควรถอดออก ควรเลือกใช้เวลาที่จำเป็นสำหรับการบรรทุกของและเดินทางไกลเท่านั้น  อย่าคิดว่าการประหยัดน้ำมัน เป็นเรื่องของคุณคนเดียว เพราะพลังงานเหล่านี้ประเทศของเราต้องนำเข้า ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองและขาดดุลเรื่องของการค้ามากขึ้น

7.วิธีขับรถให้ ประหยัดน้ำมัน ด้วยการขับรถด้วยความเร็วคงที่

หลายคนต่างก็มีวิธีการประหยัดน้ำมันมากมาย   ไม่ว่าจะเป็นการไม่เร่งเครื่องขณะที่รถจอดอยู่นิ่ง ๆ  หรือหากต้องจอดนานเกินห้านาทีก็ให้ดับเครื่องไว้ก่อนเพราะเป็นการ ใช้น้ำมันโดยเปล่าประโยชน์  การออกรถอย่างราบเรียบแต่ไม่ออกตัวแบบรถแข่งรวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่สูงขึ้นเมื่อถึงรอบที่กำหนด อย่าพยายามลากเกียร์  และพยายามขับรถด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอ ไม่เหยียบเบรคโดยไม่จำเป็น แต่เมื่อคุณขับรถที่ความเร็วสูงขึ้น จะทำให้แรงต้านอากาศมีผลเป็นทวีคูณ ดังนั้นการขับรถ ด้วยความเร็วสูงมาก ก็จะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นไปด้วย ตามปกติแล้ว ความเร็วที่ประหยัดน้ำมัน จะอยู่ในช่วง 80-100 กม/ชม.  ซึ่งรถยนต์แต่ละคันมีความเร็วที่ประหยัดที่สุดไม่เท่ากัน และเมื่อไม่ได้เปลี่ยนเกียร์ก็ควรที่จะเอาเท้าออกจากคันเหยียบคลัทช์ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นนอกจากจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้คลัทช์มีอายุการใช้งานสั้นด้วย

8.รู้จักรถของตัวเองจะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

การรู้จักรถของตัวเองมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ประหยัดน้ำมัน มากขึ้นเท่านั้น  หลาย ๆ คนเลือกใช้รถเกียร์ออโต้ เพราะมันมีความสะดวกสบาย ขับง่าย  และสามารถขับขึ้นทางชันหรือสะพานได้แบบที่ไม่ต้องกลัวรถไหล ที่สำคัญคือเวลาเจอรถติดแล้วมันไม่เมื่อย แต่ใช่ว่าเกียร์ออโต้จะไม่มีจุดด้อย ซึ่งแม้จะมีความทนทานแต่ก็มีค่าบำรุงรักษา และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันนั้นสูงกว่ารถที่ใช้เกียร์ธรรมดา เพราะการใช้เกียร์ออโต้ ต้องมีการบำรุงรักษาก็เป็นเรื่องตามระยะเวลา แต่เรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันก็สามารถทำการปรับให้ลดลงได้ จากนิสัยการขับและเทคนิคเพื่อที่จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าในยุคที่ข้าวยากหมากแพง นอกจาก นี้ควรใช้รอบเครื่องยนต์ในย่านความเร็วที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ระหว่าง 1900-2800 รอบ หรือใช้ความเร็วที่เหมาะสมที่ประมาณ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกำลังพอดี และพยายามอย่าถอยหลังเร็วเกินไป ซึ่งเกียร์ถอยหลังเป็นเกียร์ที่มีอัตราทดสูงที่สุดในอัตราทดการถอยหลังเร็ว นั่นก็เหมือนกับการทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยใช่เหตุ ความจริงแล้วเวลาถอยหลังจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ต่อให้ถอยเร็วเกินไปก็อาจไม่มีประโยชน์

9.ประหยัดน้ำมัน ด้วยการปรับเกียร์เมื่อขึ้นทางชัน

การขึ้นทางชันโดยเฉพาะการขึ้นที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า หลายคนมักจะละเลยในการเปลี่ยนมาที่ตัวเกียร์แอล  L ซึ่งถือ  เอาความสะดวกเป็นหลัก ความจริงแล้วมันก็ไม่ผิด แต่มันไม่เหมาะ เพราะการใช้เกียร์ ดี D โดยใช้กำลังแรงบิดเครื่องส่งขึ้นนั้นอาจจะทำให้รถไม่ต้องออกแรงสู้กับเนินมากผลก็คือประหยัดน้ำมัน กว่า โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งทุกครั้งไป มีคนเรียกเทคนิคนี้ว่าวอล์คกิ้ง สปีด ( Walking Speed ) หมายถึงการที่รถยนต์สามารถเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยที่คุณไม่ต้องแตะคันเร่ง  หากอยู่ในชั่วโมงเร่งด่วนที่รถเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เพียงแค่เข้าเกียร์ ดี D ไว้แล้วประคองเบรกก็เพียงพอแล้ว รถที่เป็นเกียร์อัตโนมัติชุดเกียร์จะมีการทำงานเปลี่ยนอัตราทดเองเมื่อถึงรอบที่เหมาะสม แต่ที่จริงแล้วหากคุณต้องขึ้นสู่ที่สูงควรใช้อัตราทดเกียร์ที่เหมาะ สมคือเลื่อนไปตำแหน่ง 2 หรือแอล L ก่อนขึ้นทางลาดชัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เครื่องไม่ต้องมีภาระหนักเพิ่ม และยังจะทำให้ดูว่าการขึ้นจะลื่นกว่าด้วย

การคิกดาวน์ในเกียร์อัตโนมัติ ถือเป็นเรื่องทำให้สะดวกสบายในการเร่งแซง แต่มันก็ทำให้เกิดการกินน้ำมันอย่างมาก ซึ่งแม้ระบบเกียร์ปัจจุบันจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อให้ตอบสนองได้ดีต่อการส่งกำลังได้มากยิ่งขึ้น แต่การคิกดาวน์ก็ยังเปรียบได้เหมือนกับการกระชากเกียร์อยู่ดี หลายคนที่ขับเกียร์อัตโนมัติ อาจเข้าใจว่าการคิกดาวน์นั้นเป็นหนทางเดียวสำหรับการเร่ง แซง แต่ความจริงแล้วนอกจากที่ปลายเท้าแล้วยังมีการใช้ระบบโอเวอร์ไดรฟ์ ( Overdrive หรือ O/d ) ซึ่งจะมีส่วนทำให้เกียร์เปลี่ยนอย่างนิ่มนวลมากกว่าการคิกดาวน์ หรือบางคันเป็นอาจอยู่ใน ตำแหน่ง 3/D3 ตามแต่ยี่ห้อรถ ถ้าเลือกทำได้ก็ อย่าพยายามคิกดาวน์เกินความจำเป็น อันนี้สำหรับเกียร์ออโต้  และดูเหมือนมีคนจำนวนมากไม่เข้าใจกับการคิกดาวน์ที่คิดว่ามันมีความหมายเท่ากับเปลี่ยนเกียร์ลง1 ระดับในรถเกียร์ธรรมดา  ซึ่งการคิกดาวน์นั้นช่วยในเรื่องอัตราเร่งก็จริง แต่กลับกันก็มีผลเสียในเรื่องความประหยัด ควรขับรถไปเรื่อยๆในอัตราที่เหมาะสมจะดีกว่า หากต้องการจะแซงก็ควรค่อยๆกดคันเร่งอย่าเหยียบมิดจนต้องคิกดาวน์

อีกหนึ่งสไตล์การขับขี่ที่ใช้วิธีชะลอความเร็ว และเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะประหยัดน้ำมัน ได้เป็นอย่างดี  อย่างถ้าหากคุณเห็นรถติดอยู่ด้านหน้า ลองกะระยะแล้วปล่อยคันเร่งให้รถไหลไปเรื่อย ๆ ด้วยแรงที่เฉื่อย เมื่อมีการเบรกปุ๊บ ลมจากท่อไอดีก็จะถูกดูดมาที่หม้อลมเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้มีอัตราลดลงมากกว่าการที่คุณไม่เหยียบคันเร่งหรือชะลอความเร็ว  ยังไม่นับการสูญเสียน้ำมันกับการเหยียบคันเร่งเมื่อความเร็วลดลงกว่าที่ขับปกติ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการซดน้ำมันลงอีก 2 เท่าตัว หลายคนที่ไม่ได้ฝึกขับรถอย่างจริงจัง มักจะไม่ทราบว่าการเดินคันเร่งเป็นเรื่องสำคัญในการช่วยประหยัดน้ำมัน ทุกหยดให้คุ้มค่า เหยียบได้แต่พอดี โดยสามารถใช้วิธีกดเร่งไปถึงระดับความเร็วที่ต้องการก่อนแล้วจึงค่อยๆ ผ่อนรักษาความเร็ว และที่สำคัญคือพยายามรักษาความเร็วให้คงที่ตลอดทาง

10.ประหยัดน้ำมัน ด้วยหลักการเติมน้ำมัน

การเติมน้ำมันควรเติมแต่พอดีอย่าล้น ซึ่งความจริงในปัจจุบันนับว่าหาได้ยากนักที่คนจะเติมน้ำมันจนเต็มถัง แต่หากคุณไปเติมน้ำมัน แล้วบอกเด็กปั๊มว่า ให้เติมเต็มถัง  ก็ให้ระลึกไว้เลยว่าอย่าให้เด็กปั้มผู้ใสซื่อกดหัวจ่ายจนถึงคอหอยจนน้ำมันจะทะลักออกมาข้างนอก เพราะนั่นไม่ได้ช่วยให้ได้คุ้มค่าเลย แต่กลับจะทำให้น้ำมันถูกบ้วนทิ้งออก เมื่อน้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น และควรเติมเต็มถังแบบไม่ล้นถ้ามีโอกาส ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ควรปฏิบัติ การเติมน้ำมันเต็มถังจะทำให้แรงดันในถังมีเยอะ และเมื่อมีแรงดันในถัง ก็หมายความว่า น้ำมันที่ถูกดูดออกไปใช้จะไม่ลดลงเร็วกว่าปกติ และยังช่วยในการรักษาปั้มเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังไม่ให้ร้อน ซึ่งจะส่งผลทำให้เสียหายเร็วกว่าอายุการใช้งานทั่วไป
 

      เคล็ดลับเหล่านี้ แม้จะไม่ได้มีผลอย่างเด่นชัด แต่มันก็จะช่วยให้คุณสามารถประหยัดน้ำมัน ขึ้นได้อีก และสามารถทำให้คุณไม่ต้องเติมน้ำมันบ่อย  หรือเสียเงินไปหาวิธีประหยัดแบบอื่นโดยใช่เหตุ และนอกจากประหยัดค่าเชื้อเพลิงแล้วยังช่วยให้เบรกและเกียร์มีอายุการใช้งานที่ยาวขึ้นได้อีกหนึ่งทางด้วย

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้